ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) . 2545. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก
http://www.srithai.com/
E-mail เป็นบริการในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่สำคัญที่มีผู้นิยมใช้บริการกันมากที่สุด
สามารถส่งตัวอักษร ข้อความ แฟ้มข้อมูล ภาพ เสียง
ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไปยังผู้รับ อาจจะเป็น
คนเดียวหรือกลุ่มคนโดยทั้งที่
ผู้ส่งและผู้รับเป็นผู้ใช้ที่อยู่ในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เดียวกัน
ช่วยให้
สามารถติดต่อสื่อสาร ระหว่าง กันได้ทั่วโลก มีความสะดวก รวดเร็ว
และสามารถสื่อสารถึงกันได้ตลอดเวลา
โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าผู้รับจะอยู่ที่ไหน
จะใช้เครื่องคอมพิวเตอร์อยู่หรือไม่ เพราะไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
จะเก็บข้อความเหล่านั้นไว้
เมื่อผู้รับเข้าสู่ระบบเครือข่ายเขาก็จะเห็นข้อความนั้นรออยู่แล้ว
ความสะดวกเหล่านี้ทำให้นักวิชาการ สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารถึงกันและกัน
นักศึกษาสามารถปรึกษา หรือฝึกฝนทักษะกับ
อาจารย์ หรือ เพื่อน นักศึกษาด้วยกันเอง โดยไม่ต้องคำนึงถึงเวลา และระยะทาง
โดยผู้ใช้สามารถติดต่อ
สื่อสารกันได้ไม่ว่าจะอยู่ตรงส่วนใด ของมุมโลก
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นสื่อประเภทหนึ่งที่เหมาะสมในการเรียนรู้ และช่วยขจัด
ปัญหาในเรื่อง ของเวลา และระยะทาง ผู้เรียนจะรู้สึกอิสระและกล้าแสดงออกมากกว่าปกติ
ตลอดจนสามารถเข้าถึงผู้เรียน เป็นราย บุคคลได้เป็นอย่างดี
ในยุคสารสนเทศดังเช่นปัจจุบัน ระบบการสื่อสารที่มี ประสิทธิภาพจะมีบทบาทสำคัญ
ในการพัฒนา สังคมให้เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ได้อย่างรวดเร็ว
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นรูปแบบการสื่อสารที่ทันสมัย รูปแบบหนึ่ง ที่มีความ สำคัญ
คือ 1. ทำให้การให้การติดต่อสื่อสารทั่วโลกเป็นไปอย่างรวดเร็วทันที
ระยะทางไม่เป็นอุปสรรค 2.ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์สามารถส่งจดหมายถึงผู้รับที่ต้องการได้ทุกเวลา
แม้ผู้รับจะไม่ได้อยู่ที่ หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ตาม 3. ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์สามารถส่งจดหมายถึงผู้รับหลาย ๆ คนได้ในเวลาเดียวกัน
โดยไม่ต้องเสียเวลา ส่งให้ทีละคน
กรณีนี้จะใช้กับจดหมายที่เป็นข้อความเดียวกัน 4. การส่งจดหมายทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางไปส่ง
จดหมายถึงตู้ไปรษณีย์ หรือที่ทำการไปรษณีย์ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการส่ง
5. ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์นั้น
ผู้รับจดหมายสามารถเรียกอ่านจดหมายได้ทุกเวลาตามสะดวก
โปรแกรมของ
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์จะแสดงให้ทราบว่าในตู้จดหมายของผู้รับมีจดหมายกี่ฉบับ
มีจดหมายที่อ่านแล้ว และยังไม่ได้เรียกอ่านกี่ฉบับ เมื่ออ่านจดหมายฉบับใดแล้ว
หากต้องการลบทิ้งก็สามารถเก็บข้อความ ไว้ในรูปของแฟ้มข้อมูลได้
หรือจะพิมพ์ออกมาลงกระดาษก็ได้เช่นกัน หรืออาจแก้ไข้ข้อความบางอย่างในจดหมายนั้น
จากจอภาพแล้วส่งต่อไปยังผู้อื่นได้ด้วย 6. ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์สามารถที่จะถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล
แนบไปกับจดหมายถึงผู้รับได้ 7. ทำให้การแลกเปลี่ยนข่าวสารเป็นไปได้โดยสะดวก รวดเร็ว ทันเวลา
และทันเหตุการณ์ จากความสำคัญของไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
สามารถอำนวยประโยชน์ให้กับผู้ใช้อย่างคุ้มค่า
ทำให้ในปัจจุบันไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
แทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานทุกแห่งทั่วโลก และในที่สุด
เมื่อทุก บ้านมีคอมพิวเตอร์ใช้ สมาชิกในชุมชนโลก
ก็จะสามารถติดต่อกันผ่านทางคอมพิวเตอร์ การทำงาน
ตามสำนักงาน หรือสถานที่ต่างๆ
จะถูกเปลี่ยนไปสู่การทำงานที่บ้านมากขึ้นโดยการรับส่งงาน
ทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถสร้างฟอร์ม e-mail ไว้ให้เพื่อความสะดวกในการส่งข้อมูล
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic
Mail or E-mail)
สามารถแบ่งการใช้อีเมล์ตามลักษณะของการให้บริการได้กว้างๆ 3 ลักษณะคือ
• อีเมล์สำนักงาน – เป็นบัญชีการใช้บริการรับ/ส่งอีเมล์ที่หน่วยงาน หรือสำนักงานของผู้ใช้เป็นผู้จัดทำและให้บริการ มีจุดเด่นคือ บ่งชี้ถึงหน่วยงานสังกัดของผู้ใช้ เช่น อีเมล์ของบุคลากรในเนคเทค จะอยู่ในรูปของ ชื่อบุคคล @nectec.or.th ทำให้ทราบได้ทันทีว่าบุคคลนั้นๆ อยู่ในหน่วยงานใด
•
อีเมล์โดย ISP – ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหลายท่าน คงไม่มีอีเมล์ที่จัดให้บริการโดยสำนักงาน
เนื่องจากความไม่พร้อมของสำนักงานหรือหน่วยงานที่ต้นสังกัด ทางเลือกที่น่าสนใจก็คือ
เมื่อผู้ใช้สมัครเป็นสมาชิกอินเทอร์เน็ตจาก ISP ส่วนมาก
ISP ก็จะให้บริการอีเมล์ด้วยเสมอ
ดังนั้นผู้ใช้จึงสามารถมีอีเมล์ที่ให้บริการโดย ISP เพื่อใช้งานได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามอีเมล์แบบนี้ มักจะมีจุดอ่อน
คือ
- ไม่บ่งชี้สถานภาพของบุคคล หรือหน่วยงาน
- อายุการใช้บริการไม่ยาวนาน โดยผู้ใช้อินเทอร์เน็ต
มักจะซื้อบริการที่ถูกที่สุด ดังนั้นเมื่อหมดอายุกับ ISP รายหนึ่ง
ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นอีกราย (ที่ราคาถูกกว่า) ทำให้อีเมล์เดิมถูกยกเลิกไปทันที
ซึ่งเป็นภาระในการติดต่อสื่อสารได้
รูปแบบของ e-Mail Address
บัญชีชื่อ
@ โดเมนเนมของหน่วยงานหรือผู้ให้บริการ
เช่น
นายสมชาย เป็นพนักงานของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
ดังนั้น e-Mail Address ที่สามารถเป็นไปได้ของนายนายวินัย เป็นพนักงานของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดังนั้น e-Mail Address ที่สามารถเป็นไปได้ของนาย
การแจ้งอีเมล์ให้กับผู้อื่น มีข้อควรระวังดังนี้
- ระบุตัวอักษรตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวพิมพ์เล็กให้ชัดเจน เพราะระบบอินเทอร์เน็ต
มักจะถือว่าตัวอักษรตัวใหญ่และตัวเล็ก เป็นคนละตัวกัน เช่น Vinai ไม่เหมือนกับ
vinai เป็นต้น
จะต้องระบุให้ครบทั้งชื่อบัญชี เครื่องหมาย @ และโดเมนเนม
อิน เตอร์เน็ต คือ อะไร
อิน เตอร์เน็ต
(Internet)
คง จะ เป็น คำ ที่ คน แทบ ทุก คน ทั่ว โลก รู้ จัก คุ้น เคย กัน ดี
แต่ ก็ ไม่ อาจ ทราบ ชัดเจน ว่าอิน เตอร์เน็ต คือ อะไร กัน แน่
และ มี อิทธิ พล ต่อ ชีวิต เรา ใน โลก อย่าง ไร
อิน เตอร์เน็ต
คือ
ระบบ เครือ ข่าย คอมพิวเตอร์ ขนาด ใหญ่ ที่ ประกอบ ไป ด้วย เครือ ข่าย ย่อย
ๆ
จำนวน มาก ต่อ เชื่อม เข้า ด้วย กัน จน มี เครือ ข่าย ที่ มี ขนาด มหึมา เพื่อ ประ โยชน์
ใน การ สื่อ สาร และ เผย แพร่ ข้อ มูล ให้ แก่ ผู้ ใช้
โดย ผ่าน ผู้ ให้ บริการ กับ เครือ ข่าย ทั่ว โลก
อิน เตอร์เน็ต
เป็น แหล่ง รวบ รวม ข้อ มูล ข่าว สาร ขนาด ใหญ่ ที่ คลอบ คลุม เนื้อ หา แทบ ทุก บริษัท
และ เอื้อ อำนวย ให้ ผู้ ใช้ เครือ ข่าย ได้ ค้นด ว้า ข้อ มูล เพื่อ นำ มา ใช้ ประ โยชน์
ผู้ ใช้อิน เตอร์เน็ต สามารถ ท่อง เที่ยว ไป ใน ซุป เปอร์ไฮเวย์อิ เล็กท รอ นิคส์ (Electronic Super
Highway ) ไป ยัง ต่าง ประเทศ แบบ ออนไลน์ ด้วย ระยะ เวลา อัน สั้น
บริการอินเตอร์เน็ต
บริการอินเตอร์เน็ตสามารถแบ่งออกได้หลายชนิด ได้แก่
·
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail หรือ E-Mail) คือ ไปรษณีย์ ที่ ส่ง ผ่าน กัน ภาย ใน เครือ ข่าย คอมพิวเตอร์
ซึ่ง ไปรษณีย์ อิเล็กทรอนิกส์ ช่วย ให้ ติด ต่อ กับ บุคคล อื่น ได้ อย่าง รวด เร็ว
เป็น โปรแกรม ประยุกต์ ที่ มี ผู้ ใช้ งาน มาก ที่ สุด
เมื่อ เทียบ กับ โปรแกรม อื่น ๆ ในอิน เตอร์เน็ต
สำหรับ การ ส่ง ไปรษณีย์ อิเล็กทรอนิกส์ ใน ระบบ
Unix มี โปรแกรม ที่ ใช้ ส่ง ไปรษณีย์ อิเล็กทรอนิกส์ อยู่ หลาย โปรแกรม
อาทิ เช่น Mail, Pine เป็น ต้น
ใน ระบบ ปฏิบัติ การ Windows ได้ มี การ พัฒนา โปรแกรม ที่ ใช้ งาน กับ ไปรษณีย์ อิเล็กทรอนิกส์ ที่ เป็น แบบ
GUI : Graphic User Interface ซึ่ง สามารถ ใช้ งาน ได้ อย่าง สะดวก รวด เร็ว
เช่น โปรแกรม Internet mail ของ Microsoft Internet
Explorer หรือ โปรแกรม Internet mail ของ
Netscape เป็น ต้น
·
การขอใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ (Telnet) คือ การ ขอ เข้า ใช้ ระบบ จาก ระยะ ไกล
ผู้ ใช้ สามารถ เข้า ไป ใช้ บริการ จาก เครื่อง ใด ใน เครือ ข่าย ที่ ได้ รับ อนุญาต โดย ไม่ ต้อง นั่ง อยู่ หน้า เครื่อง นั้น โดย ตรง
การ ขอ ใช้ บริการ แบบ นี้ผ้ ใช้ จะ ป้อน คำ สั่ง ผ่าน คอมพิวเตอร์ ของ ตัว เอง ไป ยัง คอมพิวเตอร์ ปลาย ทาง
แล้ว จึง แสดง ผล ลัพธ์ กลับ มา ที่ แสดง ที่ หน้า จอ
โดย ที่ เครื่อง คอมพิวเตอร์ ปลาย ทาง สามารถ ใช้ โปรแกรม
telnet ได้ โดย ไม่ ต้อง มี บัญชี ชื่อ ผู้ ใช้
เช่น การ ค้น หา โฮสต์ ที่ ทำ หน้า ที่ เก็บ แฟ้ม ข้อ มูล ด้วย โปรแกรม
Archie และ บริการ Gopher เป็น ต้น
·
บริการขนถ่ายแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมต่าง ๆ (File Transfer Protocol หรือ FTP) คือ การ โอน ย้าย แฟ้ม ข้อ มูล
เป็น บริการ สำคัญ อย่าง หนึ่ง ในอิน เตอร์เน็ต
โดย ปรกติ แล้ว ผู้ ที่ สามารถ ถ่าย
โอน ย้าย แฟ้ม ข้อ มูล ได้ นั้น
จะ ต้อง มี บัญชี ชื่อ ผู้ ใช้ บน โฮสต์ นั้นๆ
แต่ เครือ ข่าย หลาย แห่ง ได้ เปิด ให้ บริการ สาธารณะ ให้ แก่ บุคคล ภาย นอก
สามารถ ถ่าย โอน ย้าย แฟ้ม ข้อ มูล ด้วย ชื่อ บัญชี
"anonymous" โดย ไม่ ต้อง มี การ ป้อน รหัส ผ่าน ข้อ มูล
หรือ แฟ้ม ข้อ มูล ที่ ผู้ ใช้ สามารถ ขอ ถ่าย โอน ย้าย ได้ นั้น มี อยู่ มาก มาย
เช่น บท ความ ข้อ มูล ทาง สถิติ
ผล การ ทด สอบ ทาง วิทยา ศาสตร์
และ สิ่ง ที่ ดึง ดูด ความ สน ใจ ของ ผู้ ใช้ บริการ
คือ ซอฟต์แวร์ จำนวน มาก ที่ ทำ งาน บน ระบบ ต่าง
ๆ เช่น ระบบวิน โดวส์ ดอส ยู นิกซ์ หรือแมคอิน ทอช
·
Archie คือ ระบบ ค้น แหล่ง ที่ อยู่ ข้อ มูล
เป็น ระบบ ที่ ช่วย ค้น หา ที่ อยู่ ของ แฟ้ม ข้อ มูล บน โฮสต์ สาธารณะ
เมื่อ ต้อง การ ค้น ว่า แฟ้ม ข้อ มูล ที่ สน ใจ อยู่ ที่ โฮสต์ ใด
ให้ เรียก ใช้ Archie แล้ว ป้อน คำ สั่ง ค้น ชื่อ แฟ้ม ข้อ มูล
โปรแกรม จะ ตรวจ ค้น หา แฟ้ม ข้อ มูล
พร้อม กับ แสดง ชื่อ แฟ้ม และ ชื่อ โฮสต์ ที่ เก็บ ข้อ มูล
เมื่อ ผู้ ใช้ ทราบ ชื่อ แล้ว ก็ สามารถ ใช้
FTP เพื่อ ถ่าย โอน ย้าย แฟ้ม ข้อ มูล ต่อ ไป
·
Gopher เป็น โปรแกรม ที่ ใช้ สำหรับ เปิด ค้น หา ข้อ มูล และ ขอ ใช้ บริการ ด้วย ระบบ เมนู และ เป็น จุด ศูนย์ รวม ใน การ เรียก ใช้ บริการ ต่าง
ๆ ที่ มี อยู่ ในอิน เตอร์เน็ต ซึ่ง มี ทั้ง Telnet
โอน ย้าย แฟ้ม ข้อ มูล ด้วย FTP หรือ ค้น หา ชื่อ โฮสต์ ที่ เก็บ แฟ้ม ข้อ มูล ด้วย
Archie บริการ เหล่า นี้ ช่วย อำนวย ความ สะดวก ให้ แก่ ผู้ ใช้ เป็น อย่าง มาก
เนื่อง จาก ไม่ ต้อง พิมพ์ คำ สั่ง
และ ไม่ จำ เป็น ต้อง จด จำ ชื่อ โฮสต์ ที่ ต้อง การ ติด ต่อ
เพราะ สามารถ เลือก ได้ จาก เมนู Gopher จึง เป็น เสมือน เส้น ทาง และ อุโมงค์ ลัด เลาะ ไป สู่ย ริา กร ในอิน เตอร์เน็ต ได้ ทั่ว โลก
·
กลุ่มข่าว
(UseNet) เป็น การ รวม ตัว กัน ของ กลุ่ม การ สนทนา และ อภิปราย ใน หัว ข้อ ต่าง
ๆ
ผ่าน ทาง ระบบ กระดาน ข่าว อิเล็กทรอนิกส์ แบบ เดียว กัน กับบูลเล ติ นบอร์ด
(Bulletin Board System) แต่ ละ กลุ่ม ข่าว ใน
Usenet มี การ แลก เปลี่ยน ข่าว สาร และ ความ คิด เห็น ใน หัว ข้อ ตาม ที่ กลุ่ม นั้น สน ใจ
ตั้ง แต่ เรื่อง ทาง เทคนิค วิทยา ศาสตร์ คอมพิวเตอร์ กีฬา
ศาสนา ปรัชญา และ หัว ข้อ อื่น ๆ อีก มาก มาย
·
Wide Areas Information
Server (WAIS) ดัชนี บอก แหล่ง ข้อ มูล (อ่าน ว่า เวยส์)
เป็น โปรแกรม ที่ ช่วย ใน การ ค้น หา ข้อ มูล ใน รูปท ที่ เกี่ยว กับ เนื้อ หา ที่ อยู่ ใน แฟ้ม นั้น
ใน ขณะ ที่ Archie จะ ค้น ชื่อ ของ แฟ้ม ที่ ต้อง การ ค้น หา ซึ่ง ต่าง กับ
WAIS ลักษณะ ของ WAIS เป็น การ เชื่อม โยง ศูนย์ ข้อ มูล ที่ อยู่ บน เครือ ข่ายอิน เตอร์เน็ต เข้า ไว้ ด้วย กัน
เพื่อ อำนวย ความ สะดวก ให้ กับ ผู้ ใช้ ใน การ ค้น หา ข้อ มูล ข่าว สาร
เนื่อง จาก ว่า ในอิน เตอร์เน็ต มี ฐาน ข้อ มูล อยู่ หลาย แห่ง กระ จัด กระจาย
การ ค้น ข้อ มูล โดย แยก ไป ค้น ตาม ข้อ มูล ต่าง
ๆ ย่อม ไม่ สะดวก แก่ ผู้ ใช้ การ ทำ งาน ของ
WAIS จะ ทำ ให้ ผู้ ใช้ มอง เห็น เหมือน กับ ว่า มี ฐาน ข้อ มูล เพียง แห่ง เดียว
และ เมื่อ ต้อง การ ค้น หา ข้อ มูล
คอมพิวเตอร์ อาจ จะ ช่วย ค้น ไป ยัง แหล่ง ข้อ มูล ที่ ต่างๆ
ที่ เชื่อม ต่อ กัน อยู่
World Wide Web
(WWW) เป็น บริการ ข้อ มูล แบบมัล ติ มีเ ดีย
(Multi-media) บนอิน เตอร์เน็ต ที่ ได้ รับ ความ นิยม สูง สุด ใน ปัจจุบัน
จุด เด่น ของ WWW ได้ แก่ ความ ง่าย ต่อ การ ใช้ งาน
และ มี รูป แบบ การ แสดง ผล แบบ (Hyper Text)
ที่ เชื่อม โยง จาก ข้อ มูล ชุด หนึ่ง ไป ยัง ข้อ มูล อีก ชุด หนึ่ง ได้
ซึ่ง อาจ อยู่ ใน ศูนย์ บริการ ข้อ มูล เดียว กัน หรือ ต่าง ศูนย์ กัน
บริการ www จึง เป็น เสมือน เครือ ข่าย ที่ โยง ใย ข้อ มูล ทั่ว โลก เข้า หา กัน
เมื่อ ใช้ งาน ศูนย์ บริการ แห่ง หนึ่ง แล้ว ผู้ ใช้ สามารถ ต่อ เชื่อม เพื่อ ค้น ข้อ มูล ที่ ศูนย์ อื่น
ๆ ได้ ข้อ มูล ใน www มี ทั้ง ข้อ ความ ปรกติ
หรือ แบบมัล ติ มีเ ดีย ที่ ประกอบ ด้วย เสียง
ภาพ นิ่ง และ ภาพ เคลื่อน ไหว www ยัง ได้ ผนวก บริการอิน เตอร์เน็ต อื่น ไว้ ภาย ใน
เช่น การ โอน ย้าย แฟ้ม ด้วย Gopher หรือ
Usenet
การสื่อสารในเวลาจริง
|
● บล็อก (Blog)
|
Micro Blogging เกิดมาจากกติกาของ Networking Blog
ที่ชื่อ Twitter
ซึ่งกำหนดว่าเขียนข้อความได้ไม่เกิน 140 ตัวอักษร ซึ่งความยาวจะประมาณเท่านี้ |
- ใช้ในการโฆษณาบอกกันแบบปากต่อปาก ระหว่างสมาชิกด้วยกัน
- ใช้สื่อสารข้อความสั้นๆภายในองค์กร ในส่วนที่ไม่เป็นความลับ
- เหมาะกับกลุ่มที่ทำงานขายงานตลาดในเครือข่ายเดียวกันจะใช้ในสื่อสารบอกความคืบหน้า update ข้อมูลกันและกัน หัวหน้าทีมที่มีผู้ติดตามมากก็จะได้ประโยชน์มากหน่อย เพราะสามารถสั่งงานได้ฉับพลันทันที รับรายงานได้ทันที
- ใช้สื่อสาร update กับผู้อ่าน กลุ่มสมาชิก ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
- ใช้เป็นช่องทางให้ความรู้ที่น่าสนใจแก่สมาชิกกลุ่ม เพิ่ม value ให้กับผู้มอบความรู้
- ใช้แสดงความคิดเห็นในประเด็นสาธารณะแบบ real time ในหมู่สมาชิก
- ใช้รณรงค์ ประชาสัมพันธ์กิจกรรมเพื่อสังคม หรือ สาธารณประโยชน์กับกลุ่มสมาชิก
- สำนักข่าว สามารถใช้ส่ง headline news ให้กับสมาชิก
- บริษัท ห้างร้าน ใช้ส่งข้อความตามเทศกาล ส่งข่าวเกี่ยวกับสินค้าโปรโมชั่น
- อย่าส่งเสียงน่ารำคาญ เพราะชื่อก็บอกว่าเป็น เสียงนก ดังนั้นถ้าใช้แบบ "เสียงนก เสียงกา" ก็จะไม่มีคนให้ความสนใจได้เหมือนกัน จึงควรต้องระมัดระวัง เลือกคำให้สั้น ให้เหมาะและได้ใจความ เหมือนที่คุณจะใช้หากมีโอกาสได้คุยกับประธานบริหารของธนาคารที่คุณขอกู้เงินในเวลาเพียง 30 วินาที ฉะนั้นจึงอาจต้องฝึกกันบ้าง หรือวางแผนไว้บ้าง
- อย่านิ่งเงียบไป ต้องส่งข้อความให้คนอื่นรู้ว่ายังไม่ตายไปจากโลกนี้
- ลองอะไรใหม่ๆดูบ้าง ถ้าสิ่งนั้นจะทำให้เกิดประโยชน์กับตัวเองมากขึ้น (ถ้าจะคิดแบบธุรกิจ) บางทีกฎเกณฑ์ก็กลายเป็นข้อจำกัดของการประยุกต์ความคิดสร้างสรรค์ได้เหมือนกัน
- ปรับตัวให้เร็ว ถ้าสิ่งที่ทดลองทำนั้นไม่ได้ผล ก็อย่าทู่ซี้ทำต่อไป ไม่งั้นจะเกิดผลเสียตามมา เว้นแต่เชื่อมั่นว่ามันจะได้ผลแต่อาจจะยังไม่ถึงเวลา ก็อยู่ที่การตัดสินใจของตัวเอง
- อย่าใช้ Twitter เป็น SMS โต้ตอบกับใครเป็นการส่วนตัวจนดูไม่เป็นProfessional ถ้าจำเป็นก็ควรยกหูโทรศัพท์คุยหรือส่ง IM แทน
- ในกรณีที่ต้องคุยใช้ Tweet บอกใครหรือกลุ่มของใครเป็นการเฉพาะ ควรใส่เครื่องหมาย @หน้าชื่อคนนั้นๆ หรือใช้สีที่แตกต่างกัน
- เพื่อตัดปัญหาเวลาคนรับ Tweets ไม่ได้ flollow ทุกคนในกลุ่มที่เราส่ง SMS เขาจึงได้ข้อความไม่ครบ ทำให้เกิดการเข้าใจผิดกันได้ จึงควรใช้ถ้อยคำที่ผู้อ่านสามารถจับความได้เป็นดีที่สุด หรือไม่ก็เลือกสื่อสารทางอื่นแทน
- อย่าพยายามขายอะไรใน ธweets เพราะมันจะไม่ work ลองสำรวจดู100 คำที่ไม่ควรใช้ใน email ในเรื่องนี้ก็ดีค่ะ เพราะคนทั่วไปไม่มีใครชอบจดหมายขายสินค้า หรือใช้วิธี hard sell
- ก่อนส่ง ลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นผู้รับ Tweet นั้น เราจะอยากเป็น follower ของคนนั้นไหม
Wiki คืออะไร
ความหมายของ Wiki วิกิ หรือ วิกี้ (wiki) คือ ลักษณะของเว็บไซต์แบบหนึ่ง ที่อนุญาต ให้ผู้ใช้ เพิ่มและแก้ไขเนื้อหาได้โดยง่าย ซึ่งบางครั้งไม่จำเป็นต้องการลงทะเบียนเพื่อแก้ไข ด้วยความง่ายในการแก้ไขและโต้ตอบ วิกิเว็บไซต์มักจะถูกนำมาใช้ในการร่วมเขียนบทความ คำว่า "วิกิ" นี่ยังรวมหมายถึงวิกิซอฟต์แวร์ซึ่งเป็น ตัวซอฟต์แวร์รองรับการทำงานระบบนี้ หรือยังสามารถหมายถึงตัวเว็บไซต์เองที่นำระบบนี้มาใช้งาน ตัวอย่างเช่น เว็บสารานุกรมออนไลน์ วิกิพีเดีย (www.wikipedia.org) ซึ่งใช้ซอฟต์แวร์ MediaWiki (www. mediawiki.org) ในการบริหารจัดสารานุกรมออนไลน์ สามารถ Download มาติดตั้งได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายจากเว็บไซต์ http://www.mediawiki.org/wiki/Download_from_SVN#Download ซึ่งปัจจุบันเผยแพร่เวอร์ชั่นล่าสุด คือ mediawiki-1.9.3 ซึ่ง
วิกิตัวแรกชื่อว่า WikiWikiWeb สร้างโดย วอร์ด คันนิงแฮม เมื่อพ.ศ. 2537 สำหรับโครงการ Portland Pattern Repository ของเขา โดยได้เขียนโปรแกรมขึ้นด้วยภาษาเพิร์ลและติดตั้งลงที่เว็บ c2.com โดยชื่อของ วิกิ นั้นมาจากชื่อรถประจำทางสาย "วิกิ วิกิ" (Wiki Wiki) ของระบบรถขนส่งแชนซ์ อาร์ที-52 ที่ สนามบินฮอโนลูลูในรัฐฮาวาย คำว่าวิกิในภาษาฮาวายมีความหมายว่าเร็ว ดังนั้นคำว่า "วิกิวิกิ" หมายถึง "เร็วเร็ว" นั่นเอง
ระบบวิกิเริ่มเป็นที่รู้จักภายหลังจากที่สารานุกรมวิกิพีเดียได้นำมาใช้ ซึ่งต่อมาได้มีหน่วยงานหลายส่วนได้นำระบบวิกิมาใช้ไม่ว่าในการจัดการเอกสาร การติดต่อสื่อสาร หรือแม้แต่การร่วมเขียนโปรแกรม
สัญลักษณ์รถบัส "วิกิวิกิ" ที่ ท่าอากาศยานนานาชาติฮอโนลูลู
วิกิเน้นการทำงานแบบง่าย ซึ่งผู้เขียนสามารถสร้างเนื้อหาบนเว็บได้โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ใน ภาษาเอชทีเอ็มแอล โดยข้อมูลถูกเขียนร่วมกันด้วยภาษามาร์กอัปอย่างง่ายโดยผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ในแต่ละหน้าจะถูกเรียกว่า "หน้าวิกิ" และเนื้อหาภายในจะเชื่อมต่อกันผ่านทางไฮเปอร์ลิงก์ ซึ่งส่งผลให้ในแต่ละวิกิสามารถทำงานผ่านระบบที่เรียบง่ายและสามารถใช้เป็นฐานข้อมูล สำหรับสืบค้น ดูแลรักษา ที่ง่าย
นิยามลักษณะของเทคโนโลยีวิกิคือความง่ายในการสร้างและแก้ไขหน้าเว็บ โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการตรวจสอบหรือยืนยันจากเจ้าของเว็บนั้น เว็บวิกิหลายแห่งเปิดให้ผู้ใช้บริการทั่วไปในขณะที่บางกรณี ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าวิกิบน เซิร์ฟเวอร์ ผู้ใช้อาจจะต้องล็อกอินเพื่อแก้ไข หรือเพื่ออ่านบางหน้า
รูปแบบรหัสต้นฉบับบางครั้งก็รู้จักกันในชื่อ "ข้อความวิกิ" ซึ่งประกอบไปด้วยข้อความธรรมดารวมกับภาษามาร์กอัปอย่างง่ายซึ่งใช้ในการกำหนดโครงสร้างของเอกสารและรูปลักษณ์ในการแสดงผล ตัวอย่างที่มักยกบ่อยได้แก่ การใช้เครื่องหมายดอกจัน ("*") ขึ้นต้นบรรทัด เพื่อเป็นสัญลักษณ์บอกว่าบรรทัดนั้นเป็นรายการหนึ่งในรายการแบบจุดนำ รูปแบบและวากยสัมพันธ์สามารถแตกต่างกันออกไปได้หลายแบบขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ ในบางระบบอนุญาตให้ใช้แท็ก HTML ได้
การออกแบบข้อความวิกิมีเหตุผลมากจาก HTML ซึ่งแท็กหลายแท็กมีความคลุมเครือ ทำให้จากรหัสต้นฉบับ HTML ผู้ใช้สร้างจินตนาภาพถึงผลลัพธ์ได้ยาก สำหรับผู้ใช้ส่วนมากการอ่านและการแก้ไขเนื้อหาบนรหัสต้นฉบับ HTML โดยตรงเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก ดังนั้นการส่งเสริมให้แก้ไขบนข้อความธรรมดากับข้อตกลงอีกนิดหน่อยเพื่อการกำหนดโครงสร้างและรูปแบบจึงเป็นสิ่งที่ดีกว่า
นอกจากนั้นการที่ผู้ใช้ไม่สามารถใช้ความสามารถบางอย่างของภาษา HTML เช่น จาวาสคริปต์ และ Cascading Style Sheet ได้โดยตรง ทำให้ได้ประโยชน์คือรูปลักษณ์และความรู้สึก (Look and Feel) ในการใช้งานวิกิมีความสอดคล้องกัน เนื่องจากผู้ใช้แก้ไขรูปแบบได้อย่างจำกัด พร้อมทั้งความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ในการนำวิกิไปใช้หลายระบบแสดงให้เห็นไฮเปอร์ลิงก์ที่ใช้งานได้เสมอ ไม่เหมือนในการใช้ HTML ซึ่งข้อความที่ไม่สามารถมองเห็นจากการแสดงผลว่าเป็นไฮเปอร์ลิงก์ก็อาจจะเป็นไฮเปอร์ลิงก์ได้
ตัวอย่างเปรียบเทียบคำสั่ง
คำสั่งใน มีเดียวิกิ
|
คำสั่ง เอชทีเอ็มแอล
|
ผลลัพธ์ที่แสดงออกมา
|
'''เพลงพระราชนิพนธ์แสงเทียน''' หรือ ''Candlelight Blues'' เป็นเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรก ทรงพระราชนิพนธ์ในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๘๙ ครั้งดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช เป็นงานทดลองของพระองค์ในจังหวะ[[บลูส์]] | <p><b>เพลงพระราชนิพนธ์แสงเทียน</b> หรือ <i>Candlelight Blues</i> เป็นเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรก ทรงพระราชนิพนธ์ในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๘๙ ครั้งดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช เป็นงานทดลองของพระองค์ในจังหวะ <a href="http://th.wikipedia.org/wiki/บลูส์> บลูส์</a> | เพลงพระราชนิพนธ์แสงเทียน หรือ Candlelight Blues เป็นเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรก ทรงพระราชนิพนธ์ในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๘๙ ครั้งดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช เป็นงานทดลองของพระองค์ในจังหวะบลูส์ |
การควบคุมความเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในหน้า Wiki โดยทั่วไปแล้ววิกิออกมาบนปรัชญาที่ว่าทำการแก้ไขสิ่งที่ผิดให้ง่ายมากกว่าทำให้การสร้างสรรค์ยาก ดังนั้นเมื่อวิกิเป็นระบบเปิดจึงจัดสิ่งที่มีความสำคัญ ในการยืนยันความถูกต้องของการแก้ไขเนื้อหาของหน้าวิกิล่าสุด สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของวิกิทุกตัวก็คือหน้า "ปรับปรุงล่าสุด" ซึ่งเป็นรายการที่เรียงลำดับการเปลี่ยนแปลงจากล่าสุดจำนวนหนึ่งหรือเป็นรายการการเปลี่ยนแปลงที่ทำในช่วงเวลาหนึ่ง วิกิบางตัวสามารถเลือกกรองโดยเพื่อที่จะไม่แสดงเอาการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยและไม่แสดงการแปลงที่ทำโดยสคริปต์อัตโนมัติ ("บอต")
จากปูมบันทึกการเปลี่ยนแปลง ความสามารถอื่นของวิกิส่วนมากคือ "ประวัติการแก้ไขปรับปรุง" ซึ่งแสดงหน้าวิกิรุ่นก่อนและยังมีลักษณะพิเศษในการ "ดิฟฟ์" (diff) ที่เน้นให้เห็นความเปลี่ยนแปลงระหว่างการแก้ไขปรับปรุง 2 ครั้ง ด้วยการใช้ประวัติการแก้ไขปรับปรุง บรรณาธิการสามารถดูหรือนำหน้าวิกิรุ่นก่อนหน้ากลับคืนมาได้ลักษณะเด่นดิฟฟ์สามารถใช้ในการตัดสินใจว่ามีความจำเป็นในการนำหน้าวิกิรุ่นก่อนกลับคืนมาหรือไม่ ผู้ใช้วิกิธรรมดาสามารถดูดิฟฟ์ของรายการหน้าที่ถูกแก้ไขจากหน้า "ปรับปรุงล่าสุด" ถ้าหากว่ามีการแก้ไขที่ไม่เป็นที่ยอมรับโดยดูจากประวัติก็สามารถนำหน้าวิกิรุ่นก่อนหน้ากลับคืนมาได้ การนำหน้าวิกิรุ่นก่อนกลับคืนมามีความสะดวกระดับที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับซอฟต์แวร์วิกิที่ใช้
เทคโนโลยีของ Wiki
เว็บไซต์ Wiki ใช้ซอฟต์แวร์ MediaWiki ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ไม่ค่าลิขสิทธิ์ทำงาน เป็นประเภท GNU General Public License (GPL). เผยแพร่ภายใต้ข้อกำหนดขอ GNU General ออกแบบติดตั้งที่คอมพิวเตอร์ฝั่ง Server ซอฟต์แวร์ MediaWiki ถูกออกแบบให้ทำงานบน Sever ขนาดใหญ่ มีขีดความสามารถสูง พัฒนาโดยใช้ภาษา PHP ร่วมกับระบบบริหารจัดการฐานข้อมูล MySQL การสร้างเอกสารเผยแพร่ใช้รูปแบบของ wikitext format โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องมีความรู้ภาษา XHTML หรือ CSS (Cascading Style Sheets) ซึ่งเป็นภาษาหลักในการสร้างและจัดรูปแบบเอกสารที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ ดังตัวอย่างในรูป
ความต้องการของระบบ (Requirements) เว็บไซต์ประเภท Wiki ที่มีชื่อเสียง เช่น www.wikipedia.org ใช้ซอฟต์แวร์บริหารจัดการคือ MediaWiki ซึ่งสามารถ Download ได้ที่เว็บไซต์ของ http://www.mediawiki.org/wiki/Download/ ซึ่ง MediaWiki รุ่นที่เผยแพร่ปัจจุบัน คือ version .19.3 การติดตั้งมีความต้องการของระบบเบื้องต้นดังนี้ ● Web Server such as Apache or IIS
● PHP version 5.0 or later (5.1.x recommended)
● Database Server MySQL 4.0 or later or PostgreSQL 8.1 or later (also requires plpgsql andtsearch2)
ปัจจุบัน Wikimedia Foundation มีการติดตั้งเครื่องแม่ข่ายไว้ที่รัฐ Florida สหรัฐอเมริกา ที่เมือง Amsterdam และที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ดังรูป
โครงการพัฒนาเว็บไซต์ประเภท Wiki มีหลายภาษาทั่วโลก สำหรับภาษาไทยเองก็มีการพัฒนาเว็บไซต์ประเภท Wiki หลายโครงการ ซึ่งแต่ละโครงการสามารถนำมาใช้เป็นแหล่งเรียนรู้และสร้างกิจกรรมการเรียนการสอนทั้งในระบบชั้นเรียนปกติและในระบบอีเลิร์นนิ่งได้เป็นอย่างดี โครงการ ที่เป็นเว็บไซต์ประเภท Wiki ในภาษาไทย มีรายละเอียด ดังนี้
● วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี (http://th.wikipedia.org/wiki/ ) วิกิพีเดีย คือ สารานุกรมเสรี ที่ร่วมสร้างขึ้นโดยผู้อ่านหลายคนร่วมกันปรับปรุงวิกิพีเดียอย่างสม่ำเสมอ ระบบของวิกิพีเดียจะแตกต่างจากแหล่งข้อมูลอื่น ที่ทุกคนสามารถร่วมแก้ไขได้ ไม่เฉพาะเจ้าของเว็บไซต์ วิกิพีเดียจะแตกต่างจากบล็อกและเว็บบอร์ดที่เรื่องทุกเรื่องถูกจัดเรียงตามชื่อหัวข้อนั้นในลักษณะสารานุกรม
● วิกิตำรา ( http://th.wikibooks.org/wiki ) วิกิตำรา คือ หนังสือที่ร่วมกันสร้างขึ้นโดยผู้อ่าน มีคนหลายๆ คนร่วมกันปรับปรุงวิกิตำราอย่างสม่ำเสมอ แม้แต่คุณก็แก้ได้ โดยบทความจะสมบูรณ์ยิ่งขึ้นทุกๆ การแก้ไขโดยการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติ ซึ่งจะเก็บไว้ทุกครั้งและตลอดไป
● วิกิคำคม ( http://th.wikiquote.org/wiki/ ) วิกิคำคม แหล่งรวบรวมคำคม สุภาษิตและคำพังเพยจากทั่วโลกในทุกภาษา วิกิคำคมเป็นหนึ่งในโครงการของวิกิมีเดีย โครงการวิกิคำคมเปิดโอกาสให้ทุกคน สามารถเขียนคำคมที่ชื่นชม คำคมจากบุคคลที่สำคัญ ได้อย่างเต็มที่
● วิกิซอร์ซ (http://th.wikisource.org/wiki/ ) แหล่งรวบรวมและจัดเก็บเอกสารต้นฉบับที่สามารถนำไปอ้างอิงได้ เช่น กฎหมาย พระราชบัญญัติ เอกสารทางราชการอื่น ๆ
● วิกิข่าว (http://th.wikinews.org/wiki/) แหล่งข่าวเนื้อหาเสรี โดยกลุ่มอาสาสมัครซึ่งมีภารกิจเพื่อสร้างเว็บไซต์ที่มีการนำเสนอข้อมูลที่ทันสมัย, ตรงประเด็น, น่าสนใจ และให้ความเพลิดเพลินโดยปราศจากอคติ เนื้อหาทั้งหมดอยู่ภายใต้สัญญาอนุญาต โดยการทำให้เนื้อหาของเราสามารถนำไปเผยแพร่และนำไปใช้ต่อได้
● วิกิพจนานุกรม (http://th.wiktionary.org/wiki/ ) วิกิพจนานุกรม คือ แหล่งรวบรวมและเก็บคำศัพท์เสรี
● วิกิสปีซีส์ (http://species.wikimedia.org/wiki ) สารบบอนุกรมวิธานหรือวิกิสปีชีส์เป็นโครงการของ มูลนิธีวิกิมีเดีย โดยเป็นสารานุกรมเสรีเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตต่างๆ ซึ่งรวมถึง สัตว์ พืช เห็ดรา แบคทีเรีย อาร์เคีย โพรทิสตา และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ขณะนี้มีบทความทั้งหมด 93,896 บทความ
● คอมมอนส์ ( http://commons.wikimedia.org/wiki/ ) วิกิมีเดียคอมมอนส์ เป็นโครงการหลายภาษา เพื่อให้บริการคลังข้อมูลกลางสำหรับภาพ ดนตรี เสียง และวีดิทัศน์ลิขสิทธิ์เสรี และอาจรวมถึงข้อความและคำพูด เพื่อใช้ในหน้าเอกสารในโครงการต่าง ๆ ของวิกิมีเดีย ภาพทุกภาพที่เก็บในคอมมอนส์จะสามารถเรียกใช้ได้ จากหน้าเอกสารของโครงการวิกิมีเดียทุกโครงการ
● เมต้าวิกิ (http://meta.wikimedia.org/wiki/) เมต้าวิกิ คือ ศูนย์กลางโครงการวิกิมีเดียที่เป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับ โครงการทั้งหมดในองค์กรวิกิมีเดีย รวมถึง วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีสำหรับทุกคน และ ซอฟต์แวร์ มีเดียวิกิ ที่เป็นซอฟท์แวร์ในการพัฒนาทั้งหมด ซึ่งเป็นกลุ่มสนทนาเกี่ยวกับมูลนิธิ, บันทึกและข้อเขียนอื่นซึ่งมีผลโดยตรงต่อโครงการนี้
1. วิกิจะแตกต่างจากระบบการจัดการเนื้อหาอื่นๆ ในส่วนของการโต้ตอบ ซึ่งเห็นได้จากระบบของกระดานสนทนาออนไลน์หรือบล็อก จะอนุญาตให้ผู้อื่นโต้ตอบโดยการส่งข้อความต่อท้าย และไม่สามารถมีส่วนร่วมในส่วนของเนื้อหาหลักได้ แต่วิกิจะอนุญาตให้ทุกคนมีสิทธิ์ในการแก้ไขในเนื้อหาได้โดยเสรี และติดตามผู้แก้ไขเนื้อหาได้ เป็นการร่วมมือกันสร้างองค์ความรู้และเรียนรู้ร่วมกัน
2. ด้านเนื้อหาของสารานุกรมวิกิพีเดียได้รับการยอมรับจากนักวิชาการและสื่อมวลชน เนื่องจากเนื้อหาเปิดเสรีให้สามารถนำไปใช้ได้ รวมถึงเปิดเสรีที่ให้ทุกคนแก้ไข รวมถึงนโยบายมุมมองที่เป็นกลางจากทุกฝ่ายที่เขียนในสารานุกรม
อย่างไรก็ตามการนำไปใช้อ้างอิงในเอกสารทางวิชาการยังคงเป็นข้อถกเถียงเนื่องจากการเปิดโอกาสให้ทุกคนแก้ไข ซึ่งง่ายต่อการปรับเปลี่ยนข้อมูล เมื่อผู้ประสงค์ร้ายที่มือบอนเข้าไปทำลายข้อมูลหรือสิ่งดีๆ ในวิกิพีเดีย ยังเป็นปัญหาที่เกิดบ่อย แม้ว่าส่วนใหญ่ผู้ก่อการร้ายเหล่านั้นจะถูกจับได้ และมีการเข้าไปแก้ไขเนื้อหาเพิ่มเติมที่ไม่ถูกต้องเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว โดยผู้ใช้วิกิพีเดียที่ทำหน้าที่ตรวจสอบติดตามการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นล่าสุด ความน่าเชื่อถือของวิกิพีเดียได้ถูกทำการทดสอบ ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2548 ได้มีทีมนักวิจัยทดสอบความถูกต้องของวิกิพีเดียฉบับภาษาอังกฤษ เปรียบเทียบกับสารานุกรมบริเตนนิกา สารานุกรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยนำเรื่องราวเกี่ยวกับด้านวิทยาศาสตร์ไปทดสอบ ผลลัพธ์ที่ออกมาสรุปว่าความถูกต้องใกล้เคียงกัน โดยมีการผิดพลาดทางข้อมูลและการใช้ภาษาใกล้เคียงกัน (http://th.wikipedia.org/wiki)
3. เนื้อหาข้อความทั้งหมดในวิกิพีเดียเป็นเนื้อหาเสรี งานสมทบที่ส่งมายังวิกิพีเดียทุกชิ้นถูกคุ้มครองโดยสัญญาอนุญาตเอกสารเสรีของ GNU "GNU Free Documentation License" หรือ GFDL ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาอนุญาตชนิด "copyleft" ที่ให้สิทธิ์นำเนื้อหาไปแจกจ่ายซ้ำ, ดัดแปลงต่อยอด, และนำไปใช้งานได้อย่างเสรี ทั้งนี้รวมถึงการใช้งานเชิงพาณิชย์ด้วย. สัญญาอนุญาตตัวนี้ อนุญาตให้ผู้ร่วมเขียนวิกิพีเดียแต่ละคนยังคงมีสิทธิ์ในงานที่ตนเองสร้างสรรค์ขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังอนุญาตให้ผู้อื่นนำงานนั้นไปต่อยอดและแจกจ่ายงานต่อยอดนั้นต่อได้ เพียงมีเงื่อนไขว่าจะต้องให้เครดิตกับเจ้าของงานดั้งเดิม และงานต่อยอดนั้นจะต้องใช้สัญญาอนุญาต GFDL เช่นเดียวกัน. ด้วยสัญญาอนุญาตตัวนี้ ทำให้รับประกันได้ว่าวิกิพีเดียจะถูกแก้ไขได้อย่างเสรีและอย่างเท่าเทียมกัน; การสมทบงานของผู้เขียนแต่ละคน จะถูกบันทึกไว้ในฐานข้อมูลตราบนานเท่านาน. แลร์รี แซงเจอร์ เคยกล่าวถึง การใช้ GFDL ไว้ว่า “การรับประกันเสรีภาพ เป็นแรงจูงใจสำคัญในการทำงานสารานุกรมเสรี (http://th.wikipedia.org/wiki/)
ข้อจำกัดของ Wiki
1. ความถูกต้องและความสมบูรณ์ของเนื้อหาที่นำเสนอจากผู้เขียนที่เปิดให้แก้ไขปรับปรุงโดยเสรี อาจยังไม่เป็นที่ยอมรับในด้านวิชาการเหมือนกับเอกสารสิ่งพิมพ์ เช่น สารานุกรม
2. ในเว็บไซต์ประเภท Wiki ไม่สามารถกรองเนื้อหาประเภทขยะออกได้ ทำให้ผู้นำไปใช้อาจได้ข้อมูลที่นำไปใช้ประโยชน์ต่อไม่ได้ หรืออาจเกิดความเสียหายในการนำไปใช้
1. ความถูกต้องและความสมบูรณ์ของเนื้อหาที่นำเสนอจากผู้เขียนที่เปิดให้แก้ไขปรับปรุงโดยเสรี อาจยังไม่เป็นที่ยอมรับในด้านวิชาการเหมือนกับเอกสารสิ่งพิมพ์ เช่น สารานุกรม
2. ในเว็บไซต์ประเภท Wiki ไม่สามารถกรองเนื้อหาประเภทขยะออกได้ ทำให้ผู้นำไปใช้อาจได้ข้อมูลที่นำไปใช้ประโยชน์ต่อไม่ได้ หรืออาจเกิดความเสียหายในการนำไปใช้
การประยุกต์ใช้ Wiki ในการเรียนการสอนแบบอีเลิร์นนิ่ง นวัตกรรมของ Wiki ซึ่งเป็นเว็บไซต์ประเภทเปิดเสรีให้สมาชิกเข้าร่วมสร้าง เสนอเนื้อหา และแก้ไขเอกสารต่าง ๆ ได้อย่างเสรี โดยใช้ซอฟต์แวร์บริหารจัดการเว็บไซต์ คือ MediaWiki (www. mediawiki.org) ซึ่งขณะนี้ในประเทศไทย ได้มีการนำนวัตกรรมของ Wiki มาใช้ในองค์กรอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่ดูแลและพัฒนาโดย มูลนิธิวิกิมีเดีย (Wikimedia Foundation Inc.) คือองค์การแม่ของโครงการ วิกิพีเดีย วิกิพจนานุกรม วิกิตำรา วิกิคำคม วิกิสปีชีส์ วิกิซอร์ซ วิกิข่าว และ วิกิมีเดียคอมมอนส์ มูลนิธิวิกิมีเดียเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่จัดขึ้นภายใต้กฎหมายของ มลรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา, ประกาศอย่างเป็นทางการโดย วิเกีย (ผู้บริหารใหญ่องค์กร) และ จิมมี่ เวลส์ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2546
จากการศึกษานวัตกรรมของ Wiki สามารถสรุปเป็นแนวทางในการนำมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนได้ดังนี้
1. Wiki เป็นแหล่งเรียนรู้ของผู้เรียนและผู้สอนในระบบอีเลิร์นนิ่ง เนื่องจาก Wiki เป็นแหล่งรวบรวมเนื้อหาด้านต่าง ๆ โดยผู้เชี่ยวชาญ ผู้รู้ หรือผู้มีประสบการณ์ เนื้อหาต่าง ๆ มีการตรวจสอบโดยผู้เขียนหลายคนร่วมมือกัน ดังนั้น เนื้อหาที่ได้ จึงมีความเป็นไปได้ว่ามีความถูกต้อง สมบูรณ์ ดังนั้น แหล่งข้อมูลในเว็บไซต์ประเภท Wiki จึงสามารถใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ แหล่งอ้างอิงในการเรียนการสอนแบบอีเลิร์นนิ่งได้
2. ใช้ Wiki เป็นเครื่องมือในการสร้างกิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบร่วมมือกัน ทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ได้ เนื่องจากหลักการของ Wiki คือการให้เสรีแก่ผู้ใช้ ในการสร้างและแก้ไขเนื้อหา ในระบบอีเลิร์นนิ่งจึงใช้ Wikiเป็นเครื่องมือในการสร้างกิจกรรมการการเรียนการสอนในรูปแบบต่าง ๆ ได้ เช่น
● Workgroup Assignment - การมอบหมายงานเป็นกลุ่ม
● Project-Based Learning - การเรียนการสอนโดยใช้โครงการเป็นฐาน
● Constructivist Paradigm - การเรียนรู้แบบสรรค์สร้างองค์ความรู้
● Cooperative/Collaborative Paradigm - การเรียนรู้ร่วมกันหรือการเรียนแบบร่วมมือกัน
3. ใช้ Wiki เป็นเครื่องมือในการจัดการองค์ความรู้ในองค์กร ทั้งประเภทองค์ความรู้ประเภท Explicit Knowledge และ Tacit Knowledge รวมทั้งนำไปใช้ในการจัดการองค์ความรู้เฉพาะกลุ่มที่สนใจในด้านเดียวกัน
RSS คืออะไร อยากรู้ตามมาดู
จะว่าไปแล้ว เทคโนโลยีนี่ ก็ทำให้อะไรง่ายขึ้นเยอะเลยนะครับ อย่างนึงที่เข้ามาช่วย webmaster นั่นก็คือ RSS นั่นเอง
หลายคนอาจจะสงสัย ว่า RSS คืออะไร RSS ก็ย่อมาจาก Real Simple Sex! นั่นเอง... เย้ยยยย ล้อเล่นนะครับ 555 ขำๆครับ เพื่อเป็นทางการนิดนึงผมก็ขอ คัดลอก คำนิยาม มาจาก www.rssthai.com แล้วกันนะครับ ได้ดังนี้
RSS ย่อมาจากคำว่า Really Simple Syndication หรือ Rich Site Summary เป็นรูปแบบในการนำเสนอข่าวหรือบทความ ให้อยู่ในรูปแบบมาตราฐาน xml เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารใหม่ๆได้ทันที
พอจะเข้าใจใหมครับ ถ้าไม่เข้าใจ ไม่เป็นไร ผมจะอธิบายต่ออีกที ว่า RSS คืออะไร ครับ
ในความคิด และเท่าที่ผมเองก็ได้สัมผัสมานะครับ และเป็นการอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ RSS คือ การดึงข่าว หรือ ข้อมูล หรือบางอย่าง ที่ทางผู้พัฒนา (ต้นฉบับ) เค้าเปลี่ยนแปลง โดยที่ ทางเรา(ผู้เสนอ หรือ แสดง) ก็เปลี่ยนในทันทีโดยอัตโนมัต เช่น ผม ทำเว็บ RSS-A(ชื่อสมมุติ) ซึ่ง ในเว็บมีบริการ RSS ด้วย แล้วเพื่อนผม เค้าทำเว็บ RSS-B เค้าก็มาเอา RSS จากเว็บผมไปใช้ ในเว็บตัวเอง และเมื่อผม Update เนื้อหา RSS ในเว็บผม ในส่วนของ RSS ที่เว็บเพื่อนผม ก็จะถูก Update ไปด้วยในทันที โดยที่เพื่อนผมไม่ต้องทำอะไรเลย แค่เอามาติดครั้งแรก แล้วก็จบเลย ที่เหลือ รอให้ผม หรือเว็บ RSS-A เป็นคนเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในส่วน RSS ต่อไปนั้นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น